9 มิ.ย. 2554

เขียนวิจารณ์หนังหรือเพลง

ภาพยนตร์:เรื่อง 2012 วันสิ้นโลก






ตัวอย่างภาพยนตร์

         ภาพยนตร์เรื่อง 2012 เป็นภาพยนตร์เกี่ยวกับแนวหายนะของโลกนำไปสู่จุดจบของโลก เป็นรูปแบบของภัยพิบัติต่างๆ เช่น แผ่นดินไหว สึนามิ ผู้คนที่รอดชีวิตต้องดิ้นรนเพื่อความอยู่รอด คนแต่ละคนก็ต่างเอาตัวรอดโดยบางทีก็ไม่นึกถึงผู้อื่น เมื่อถึงเวลาภัยมาถึงตัว คนเราจะแสดงออกถึงความเป้นมนุษย์หรือสัตว์ร้าย จะเอาตัวรอด หรือจะช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ จะกล้าหาญ หรือจะขลาดกลัว จะรับผิดชอบ  หรือ จะเอาตัวรอด หนังเรื่องนี้ได้ฉายภาพธาตุแท้ของมนุษย์ออกมาให้ปรากฏ



ตัวอย่างประโยคจากภาพยนตร์

"พวกเราจะเล่าเรื่องราวเหล่านี้ให้ลูกหลานของเราฟังว่าอย่างไร ให้บอกว่าวาระสุดท้ายของมนุษยชาตินั้นรอดมาได้เพราะความเห็นแก่ตัว อย่างงั้นน่ะเหรอ?"
"เมื่อใดที่เราสูญเสียการให้โอกาสแล้ว เมื่อนั้นเราก็สูญเสียความเป็นมนุษย์"
"ที่ใดที่เราอยู่ร่วมกันพร้อมหน้า นั่นแหละที่เราเรียกว่าบ้าน"




วิจารณ์

ด้านเนื้อเรื่อง:
  ทุกสิ่งที่สื่อออกมาผ่านเรื่องนี้มีแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นจริงมากที่สุดคือ แผ่นดินไหวระดับสูงสุดถึง 10+ ริกเตอร์ ถึงขนาดแผ่นดินทั้งทวีปแตกสลาย แม็กม่าจะหลั่งไหลทะลักออกมา ณ อุทยานแห่งชาติเยลโล่สโตนของอเมริกา เกิดการระเบิดไปกว้างไกลครึ่งโลก อีกทั้งทำให้เกิดคลื่นยักษ์สึนามิสูงเสียดฟ้าถึง 1500 กิโลเมตรทลายทุกอย่างให้หายไปในชั่วพริบตา มีการให้สถานที่สำคัญๆ เช่นมหาวิหารเซนปีเตอร์ อนุสวารีย์วอชิงตัน อนุสาวรีย์พระเยซูที่ริโอดีจาเนโร ถูกทำลายโดยฝีมือจากธรรมชาติ ทั้งหมดนี้ในภาพยนตร์จะเล่าผ่านครอบครัวของ แจ็คสัน เคอร์ติส (Jackson Curtis แสดงโดย John Cusack) หนึ่งในหลายล้านชีวิตที่จำต้องเอาตัวรอดจากหายนะครั้งนี้ โดยไปยังทิเบตเพื่อขึ้นเรือที่ถูกสร้างขึ้นโดยรัฐบาลกว่า 46 ประเทศทั่วโลก แต่จริงๆแล้วทุกอย่างมันไม่ง่ายอย่างที่คิด...เพราะตั๋วขึ้นเรือมีราคาตั้ง 1 พันล้านยูโร
ด้านการแสดง:
  นักแสดงในเรื่องนี้แสดงได้ยอดเยี่ยมทุกคนจริงๆ เรื่องบทก็ถูกเขียนให้แสดงออกถึงอารมณ์ต่างๆในช่วงเวลาสุดท้ายหลายๆแบบของชีวิตได้อย่างสมจริง และยอดเยี่ยมที่สุด โดยเฉพาะตัวละครของเอเดรียน เฮมส์ลีย์ (Adrian Helmsley แสดงโดย Chiwetel Ejiofor) เพราะสามารถแก้ไขปัญหาอย่างใจเย็น ถึงจะโดนเถียง โดนด่าก็ตาม

ด้านดนตรี:
  ในเรื่องนี้ทำเสียงประกอบเอ็ฟเฟ็กถล่มถลายที่สร้างขึ้นจากคอมพิวเตอร์ได้อย่างครบถ้วนทำให้ภาพเทคนิคที่ออกมาเข้ากันได้ดี แม้แต่องค์ประกอบเล็กๆน้อยๆเช่น เศษหิน น้ำกระจาย กระแทก การระเบิด กระจกแตก แผ่นดินแยก และอื่นๆอีกมากหมาย ส่วน End Credits ก็มีเพลง Time For Miracles ที่บรรเลงขึ้น เพื่อยกระดับอารมณ์ให้ประทับใจในตัวหนังได้ดียิ่งขึ้น

ด้านเทคนิคพิเศษ:
  ส่วนนี้สำคัญต่อเรื่องนี้ที่สุดเพราะต้องสร้างเทคนิคที่มีสเกลใหญ่ระดับล้างโลกทั้งคลื่นสึนามิ แผ่นดินไหว ภูเขาไฟระเบิด รวมทั้งสิ่งของและสถานที่ต่างๆที่ถูกทำลายจำพวก บ้าน ต้นไหม้ รั้ว รถ และอื่นๆอีกมากหมาย ซึ่งทำออกมาได้สมจริงที่สุด ทำให้เกิดการปลูกฝังความคิดเกี่ยวกับประเด็นที่มีอยู่จริงๆให้แก่คนดูด้วยว่า "มีเวลาเหลือเพียงแค่ 3 ปีเท่านั้น คุณได้ใช้ชีวิตอย่างคุ้มค่าที่สุดแล้วหรือยัง"
  ในบางจุดที่เป็นฉากแอ็คชั่นถล่มถลายของสิ่งปลูกสร้าง ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม เวลาที่ผมดู รู้สึกอยากร้องไห้จริงๆ...










1 ความคิดเห็น:

  1. เป็นหนังที่แบบว่าสร้างได้อลังการงานสร้างมาก

    ตอบลบ